Banner

-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

กิ่งไม้สวยๆ..ทำอะไรได้บ้าง

เคยไหมคะ เวลาไปเดินเล่นในสวน แล้วเจอกิ่งไม้สวยๆ หักอยู่ริมทาง รูปร่างและ texture มันสวยงามจนอยากจะเอากลับมาไว้ที่บ้านด้วย เพื่อดึงเอากลิ่นไอของธรรมชาติเข้าไปไว้ในบ้าน ให้เรารู้สึกว่ายังอยู่ไม่ไกลจากกัน นอกจากเอาไปใส่แจกันใหญ่ๆแต่งบ้านแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรได้อีก


กิ่งไม้สวยๆ มีค่ามากกว่าจะทิ้งให้ผุพังอยู่ข้างทาง เอามาทำอะไรได้หลายอย่าง ที่แขวนเสื้อ ราวแขวนเสื้อ ประดับผนัง ขาตั้งโคมไฟ กรอบรูป กรอบหน้าต่าง กรอบกระจก ...ลองดูไอเดียกันเลยดีกว่าค่ะ


หรือจะเอาท่อนไม้ มาตัดแล้วเจาะรู ทำเป็นที่ใส่ดินสอ ก็ได้กลิ่นไอของธรรมชาติถึงบนโต๊ะทำงาน



ขอบคุณไอเดียสร้างสรรค์จาก www.iurban.in.th ด้วยค่ะ



-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----

10 วิธีป้องกันและจัดระเบียบบ้านรก

บ้านไหนที่มีของวางระเกะระกะอยู่เสมอจนเหนื่อยที่จะตามเก็บให้เข้าที่ เรามีวิธีช่วยให้คุณรักษาความเรียบร้อยของบ้านให้พร้อมรับแขกผู้มาเยือน ที่อาจช่วยผ่อนแรงคุณแม่บ้านไปได้บ้าง

1. อย่าจัดของทั้งบ้านในคราวเดียวเพราะจะทำให้คุณหมดแรงแน่ เริ่มจากส่วนที่เล็กๆ ก่อน เช่น ลิ้นชัก ชั้นวางของต่างๆ แล้วค่อยๆ ขยายไปยังส่วนที่มีปัญหามากขึ้น เช่น โรงรถ หรือห้องเก็บของ

2. กุญแจสำคัญคือหมั่นดูแล หากคุณหมั่นทำความสะอาดและเคลียร์พื้นที่ส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จเสมอก็จะไม่เจอปัญหาข้าวของรกแน่ๆ

3. คว้าของทั้งหมดออกมาจากในตู้และลิ้นชัก แล้วนำมากองรวมกันและเลือกชิ้นที่คุณไม่ต้องการเก็บเข้าถุงบริจาค จะได้ไม่เหลือสิ่งที่คุณไม่ต้องการแล้วตกค้างให้รกตาอยู่อีก

4. ทุกๆ ปีให้หาลังใหญ่ๆ มาจัดแยกไว้ว่ากล่องไหนที่ต้องการเก็บของบริจาค ของที่ต้องนำไปทิ้ง และของที่ยังเก็บต่อไปได้อีกปีตามลำดับ

5.อะไรที่คุณไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเก็บไว้ อย่าลังเล โยนทิ้งหรือบริจาคไปซะดีกว่า

6. ส่วนพื้นที่วางของบนโต๊ะ พยายามจำกัดให้มีเพียงสามชิ้น

7. อย่าพยายามสะสมแม่เหล็กติดตู้เย็น เพราะส่วนนี้แหละที่ทำให้บ้านดูรก

8. จัดเครื่องใช้สำนักงานใส่ตะกร้าหรือชั้นเอกสาร รวมทั้งกล่องเครื่องเขียนให้เป็นระเบียบ จะได้ไม่รกโต๊ะทำงาน

9. จัดสรรพื้นที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อที่บ้านทั้งหมด เพื่อใช้จัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

10. สามารถปรับใช้เฟอร์นิเจอร์บางอย่างให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น นำหีบหรือลิ้นชักมาจัดวางเป็นที่เก็บของในห้องรับแขก เป็นต้น

 ขอขอบคุณ : Lisa ผู้สนับสนุนเนื้อหา

-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----

ครัวร่วมสมัย เชื่อมใจพ่อแม่ลูก

ด้วยรักและผูกพันกับวิถีชีวิตความเป็นไทยมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ชอบบ้านสไตล์สมัยรัชกาลที่ 5 หรือ Thai Contemporary ซึ่งเพื่อนสถาปนิกก็วาดภาพออกมาได้เหมือนในใจ ทั้งยังช่วยกันออกแบบให้โปร่งโล่ง ดูอบอุ่น
"บ้านเราสร้างมาประมาณ 3 ปีครับ ชอบทำเลที่ตั้งและเห็นว่าหมู่บ้านนี้สงบดี แต่ละหลังจะมีรูปแบบของตัวเอง ส่วนตัวผมอยากใส่ความเป็นไทยแบบร่วมสมัย ผมว่าการทำบ้านก็เหมือนกับงานศิลป์นะ" คุณเอนก ปิ่นวนิชย์กุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ วาณิชธนกิจ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) เริ่มเล่าถึงที่มาของบ้านอย่างอารมณ์ดี ความเป็นศิลปินในตัวเขาดูช่างแตกต่างกับความเป็นนักการเงิน จนรู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา
"งานด้านสถาปัตย์เสร็จเร็ว แต่ใช้เวลาตกแต่งภายในนานหน่อยค่ะ เราคิดว่าบ้านแบบนี้เหมาะกับโทนสีเขียวอ่อน เลยเลือกหาสีหลายเฉดมาลองทา กว่าจะได้สีเขียวแบบที่ชอบ" คุณเปี๊ยก-นุชสรา บงกชศิริกุล ช่วยคุณเอนกเล่าเรื่องบ้านให้เราฟัง นอกจากเป็นภรรยาคนสวยของคุณเอนกแล้ว คุณเปี๊ยกยังบริหารร้านอาหารเกาหลี "จองวอน" และขนมจีนบุฟเฟต์ "อิ่ม มีจะกิน" อีกด้วย
"ผมพยายามสร้างบรรยากาศให้เกิดความรู้สึกเป็นบ้าน เพื่อให้เราอยากอยู่ติดบ้านครับ ไม่ชอบกั้นผนังห้อง เพราะอยากให้เรามองเห็นกันได้ เวลาน้องกันต์อยู่ในห้องนั่งเล่นก็มองเห็นได้จากโต๊ะอาหาร ครัวก็อยู่ใกล้กับส่วนรับประทาน เรามักชวนลูกทำกับข้าวด้วยกัน ถือเป็นกิจกรรมที่ได้ทำกับเขา ซึ่งก็ออกแบบตกแต่งห้องครัวให้ออกมาเป็นธีมร่วมสมัยเหมือนกับบ้าน ช่วยให้เขารู้สึกสนุกสนานกับการเข้าครัว ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นงานบ้านจริงจัง" 
สไตล์สะท้อนตัวตน
คุณเปี๊ยกเล่ายิ้มๆ ว่า "เรายังแต่งบ้านเพิ่มอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เมื่อช่วงน้ำท่วม ต้องขนของขึ้นที่สูง ถึงเริ่มเห็นว่าของเยอะเหมือนกันนะ อินทีเรียดีไซน์เนอร์ค่อนข้างละเอียดและสนุกกับการแต่งบ้านของเรา พอทำงานด้วยกันสักพักก็รู้ใจ ขับรถไปซื้องานศิลปะที่ต่างจังหวัดด้วยกันกับพี่เอนกบ่อยๆ"
"ผมชอบศิลปะกับธรรมชาติครับ รู้สึกว่ามีเสน่ห์ อย่างครัวก็ไม่ได้ไว้โชว์ ไม่จำเป็นต้องใหญ่หรูหรา แต่สามารถรองรับการทำอาหารง่ายๆ ในสไตล์เราได้ สำหรับผมแล้ว ครัวเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นที่ดูดี ไม่น่าเบื่อ ซึ่งได้นำธีม Thai Contemporary แบบนี้ไปตกแต่งร้านขนมจีน อิ่ม มีจะกินด้วยครับ เราอยากทำร้านขนมจีนมีคุณภาพให้อยู่ในห้าง ให้คนไทยหันกลับมาทานอาหารไทยของบ้านเรา
แนวคิดทั้งหมดคือ ‘เรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง มีรสนิยม' โดยมีจุดยืน แสดงความเป็นตัวตนของเราออกมาให้มากที่สุด ไม่ต้องไปตามกระแสอะไรมากครับ"



-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----

สร้างเสน่ห์ในบ้านของคุณด้วย ไม้ดอกหอม

ไม้ดอกหอม เสน่ห์อีกอย่างของพรรณไม้ ที่ไม่เพียงให้สีสัน รูปทรงที่งดงามเพลินตาแก่ผู้พบเห็น แต่กลิ่นหอมๆของดอกไม้นี่แหละครับ ชวนให้หลงใหลและสร้างจิตวิญญาณธรรมชาติให้กับสวนอย่างที่สุดด้วย ดอกไม้มีหลายชนิด และดอกของแต่ละสายพันธุ์ก็ผลิดอกทั้งส่งกลิ่นต่างเวลาต่างฤดูอีกด้วย มาดูกันว่าเราจะปลูกไม้หอมในสวนของเราให้ได้รื่นรมย์กลิ่นหอมๆตลอด ทั้งปีได้อย่างไร

 

การเลือกที่ปลูกไม้หอม
ไม้ดอกหอมที่ออกดอกในฤดูฝน ควรปลูกต้นไม้นั้นทางทิศใต้ของพื้นที่ เพราะถ้าลมฝนพัดมาก็จะหอบเอากลิ่นหอมมาเข้าบ้าน เช่นโมก จำปี จำปา พุดต่างๆ จันทน์หอม ปีบ ฯลฯ ไม้ดอกหอมที่ออกดอกในฤดูหนาว เลือกปลูกไว้ ทิศเหนือ ของพื้นที่เพื่อลมหนาวพัดมาจะได้หอบเอากลิ่นหอมเข้ามาในบ้าน เช่น จิกทะเล จันทร์กะพ้อ สุพรรณิการ์ พะยอม ลำดวน เลี่ยน ช่อมาลี ฯลฯ

ไม้ดอกหอมที่ออกดอกตลอดปี ถ้าจะปลูกก็สามารถปลูกได้ทั่วบริเวณเพราะถึงแม้ลมจะมาทางไหน ก็จะสามารถหอบเอากลิ่นหอม เข้าบ้านได้ตลอดทั้งปีเช่นกัน ตัวอย่างต้นไม้ดอกหอมที่ออกทั้งปี เช่น โมก สายหยุด บุหงาส่าหรี พิกุล ชงโค ฯลฯ

ต้นไม้ก็มีช่วงเวลาหอมนะ ใช่แล้วครับ ไม้ที่มีกลิ่นหอมเขาไม่ได้หอมทั้งวันทุกต้นหรอกครับ บางชนิดหอมเช้า หอมเย็น หรือหอมกลางคืน ก็แล้วแต่สายพันธุ์ บางทีเวลาเดินไปซื้อต้นไม้ตามตลาด เราไปดมที่ดอกก็ไม่ได้กลิ่นเพราะต้นนั้นหอมตอนกลางคืน ผมมีตัวอย่างคร่าวๆของ ไม้ที่หอมเป็นช่วงเวลามาให้ดูครับ

ไม้ดอกหอมในตอนเช้ามี กระดังงาไทย มหาหงส์ บุหงาส่าหรี เดหลี กระทิง ไม้ดอกหอมตลอดทั้งวัน ก็มี ดอกคัดเค้า ทิวาราตรี บุนนาค ทองอุไร เข็มหอม กันเกรา พิกุล มะลิ ชะลูดช้าง นนทรี พะยอม กล้วยไม้ เริ่มหอมไปตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม

ถ้าชอบไม้หอมตอนเย็นไปถึงรุ่งเช้า ก็มีดอกโมก แก้ว ราตรี จำปี ปีบ การเวก เล็บมือนาง ยี่โถดอกแดง พุดซ้อน มีดอกหอมตลอดปี ส่วนจันทร์กระพ้อ มณฑา ยี่หุบ เขี้ยวกระแต จำปูน ลำดวน ที่เริ่มหอม ตั้งแต่ พฤศจิกายน เมษายน หรือถ้าชอบหอมทั้งวัน ทั้งคืน มีดอกพุทธชาดสามสี มะลิซ้อน มะลุลี นางแย้ม มีดอกหอมตลอดปี และยังมี ชำมะนาด ที่จะเริ่มผลิดอกตั้งแต่ มีนาคม-มิถุนายน ของทุก ๆ ปี ถ้าคุณชอบไม้ดอกหอม

 

ปลูกเลี้ยงและดูแลรักษาให้ถูกวิธี
1. หลังจากที่ซื้อไม้ดอกหอมมาปลูก และเลือกพื้นที่ที่ เหมาะกับดอกหอมชนิดนั้นๆ แล้ว หากดินขาดความอุดมสมบูรณ์ หรือมีเศษปูนทับถมอยู่ ควรขุดเศษวัสดุเหล่านันออก และปรับสภาพดินใหม่ โดยใส่ดินใหม่ และ อินทรีย์วัตถุลงไปแทน เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก (การใส่กาบมะพร้าวสับลงไปในหลุมปลูกให้ระวังเรื่องปลวก)

2. หลังจากปลูกไม้ดอกหอม หมั่นรดน้ำสม่ำเสมอ หากอยู่ในฤดูฝนที่มีฝนตกชุก ควรคำนึงถึงระดับน้ำใต้ดิน เพราะอาจทำให้รากเน่า ต้นตายได้ หากเป็นฤดูแล้ง หรือฤดูร้อน ควรพรางแสงให้กับต้นที่เพิ่งปลูกลงดิน เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากกต้น ซึ่งอาจทำให้ต้นเหี่ยวแห้ง และตายในที่สุด

3. หากซื้อต้นขุดล้อมมา แต่ยังไม่ปลูกลงดินควร วางต้นในแนวตั้ง ทิ้งไว้ในตำแหน่งที่มีแสงแดดรำไร หมั่นรดน้ำอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ต้นเหี่ยวแห้งตายไป ไม่ควรปล่อยให้ต้นนอนในแนวระนาบ เพราะอาจทำให้ไม้ดอกหอมต้นนั้นตายได้

4. เมื่อต้นเติบโตจนสมบูรณ์เต็มที่ ควรหมั่นตัด แต่งทรงพุ่มออกบ้าง เพื่อไม่ให้กิ่งเกะกะ ทรงพุ่มบังลม หรือทำให้ต้นไม้ด้านล่างได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้เลื้อย มีความจำเป็นต้องตัดแต่งให้เถาโปร่ง ให้ยอดได้รับแสงแดดจึงจะออกดอก

5. หมั่นตรวจดูต้นไม้ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากพบว่ามีโรคแมลง เช่น เพลี้ย หนอน เข้าทำลาย ควรใช้วิธีเก็บออก หรือ ตัดส่วนที่เกิดอาการทิ้ง ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นยากำจัดโรคแมลง โดยเฉพาะต้นที่อยู่ใกล้บ้าน หรือใกล้มือเด็ก

 

ไม้เลื้อยดอกหอมก็น่าสนใจ
ไม้เลื้อยดอกหอม นอกจากจะมีจุดขายที่กลิ่นแล้ว เรื่องของรูปทรงก็สร้างความน่าสนใจให้กับสวนของคุณไม่น้อยหน้าเรื่องกลิ่นเช่นกัน ที่สำคัญคือการศึกษาเรื่องการเจริญเติบโตให้ดีครับ เพราะไม้เลื้อยบางชนิดอย่างเช่น หิรัญญิกา ไม่ใช่ว่าจะปลูกกันได้ทุกบ้านแน่นอน เพราะเป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่ต้องการโครงสร้างที่แข็งแรงมาก หากบ้านคุณมีพื้นที่ไม่มาก ลองมองไม้เลื้อยที่ใช้พื้นที่น้อยแต่มีกลิ่นหอมแรงอย่าง ต้น เล็บมือนาง มะลิวัลย์ สายน้ำผึ้ง เป็นต้น

รูปแบบของซุ้มไม้เลื้อย ที่เห็นโดยทั่วไปมักเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อต้องการให้ตัวซุ้มทำหน้าที่คล้ายศาลาขนาดเล็ก มีที่นั่งพัก อ่านหนังสือ ดื่มกาแฟหลบร้อน แต่ถ้าต้องการให้เป็นที่เกาะพันของต้นไม้โดยเฉพาะ ก็อาจออกแบบให้มีลักษณะโดดเด่นแตกต่างออกไป เช่น ทรงกระโจม ทรงกลม เป็นรูปโค้ง ซึ่งซุ้มลักษณะนี้มักจะสร้างด้วยโครงเหล็ก เพราะดัดเป็นรูปได้ตามต้องการ ขนาดความกว้างกำหนดจากลักษณะการใช้งาน เช่น หากเป็นซุ้มคร่อมทางเดินควรกว้าง 60 - 150 เซนติเมตร สูงอย่างน้อย 2 เมตรพรรณไม้บางชนิดต้องการซุ้มที่สูงกว่าปกติเพราะลักษณะการห้อยย้อยของช่อดอกจะลงมาต่ำ



หลักเกณฑ์การสร้างซุ้มไม้เลื้อย ก่อนอื่นต้องรู้วัตถุประสงค์ว่าจะสร้างซุ้มเพื่ออะไร เป็นทางเข้าบ้านที่บังแดด หรือที่นั่งเล่น วัตถุประสงค์นี้จะทำให้ทราบตำแหน่งที่จะวาง เมื่อกำหนดตำแหน่งแล้วก็มาถึงการเลือกพรรณไม้ว่าจะเลือกปลูกพรรณไม้เถาหนัก เถากลาง หรือเถาเบา หากสามารถกำหนดพรรณไม้ที่ชอบได้ก่อนสร้างซุ้มก็จะทำให้ง่ายเข้า เพราะจะรู้ได้ว่าควรสร้างซุ้มให้แข็งแรงทนทานระดับไหน

ขอขอบคุณ :
My home
ผู้สนับสนุนเนื้อหา


-----[FreeSplanS.com]-----ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์-----
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...