ในสภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเช่นทุกวันนี้ ทำให้คนที่คิดจะซื้อบ้านสักหลัง
ก็คงจะซื้อได้แค่บ้านทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ 18 ตารางวา
หรือไม่ก็บ้านเดี่ยวชั้นเดียวสัก 40-50 ตารางวาแถวชานเมืองก็หรูแล้ว
ลำพังการอยู่กันสองคนผัวเมียก็พอไหว
แต่พอมีลูกเพิ่มขึ้นมาหรือไม่ก็พ่อตาแม่ยายมาอยู่ด้วย
ปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะบ้านเล็กคับแคบเกินไปเสียแล้วจำเป็นต้องขยับขยาย
ทีนี้ก็จ้างช่างมาต่อเติมกันตามใจชอบอย่างที่เห็นกันทั่วไป แต่นั่น ...
อาจติดคุกได้นะครับ เพราะตาม
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ 2522 ถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคาร
กฎหมายควบคุมอาคาร กำหนดว่าผู้ใดจะก่อสร้าง ดัดแปลง
หรือเคลื่อนย้ายอาคาร จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อน
โดยการยื่นคำขออนุญาต แบบแปลน และเอกสารประกอบตามกฎหมาย
"ดัดแปลง" หมายความว่า เปลี่ยนแปลง
ต่อเติม เพิ่ม
ลด หรือขยายซึ่งลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก เนื้อที่
ของโครงสร้างของอาคารหรือส่วนต่างๆของอาคารซึ่งได้ก่อสร้างไว้แล้วให้ผิดไป
จากเดิม และมิใช่การซ่อมแซม ถ้าหากเป็นการ"ซ่อมแซม" ซึ่งหมายความว่า
ซ่อมหรือเปลี่ยนส่วนต่างๆของอาคารให้คงสภาพเดิมก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องขอ
อนุญาตก่อน แต่มีบางคนแกล้งสับสนระหว่างคำว่า "ซ่อมแซม" กับคำว่า "ต่อเติม"
จึงมักจะอ้างหน้าตาเฉยว่าเป็นการซ่อมแซม
ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่านั่นมันต่อเติมขยายใหญ่ขึ้นชัดๆ
การที่จะดูว่าอย่างไรที่ถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคารหรือไม่ ต้องดูจาก
กฎกระทรวง ฉบับที่ 11
(พ.ศ 2528) ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ 2522
ที่กำหนดหลักเกณฑ์ว่าอย่างไรจึงเข้าข่ายการดัดแปลง ต่อเติม
หรือเป็นการรื้อถอนที่ต้องขออนุญาต
และการกระทำใดที่ไม่เข้าข่ายต้องขออนุญาต คือ
การกระทำดังต่อไปนี้ ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร
1. การลด หรือ
การขยายเนื้อที่ของพื้นชั้นหนึ่งชั้นใดให้มีพื้นที่น้อยลงหรือมากขึ้น รวมกัน
ไม่เกิน 5 ตารางเมตร โดยไม่ลดหรือเพิ่มจำนวนเสา หรือคาน
2. การลดหรือ
การขยายเนื้อที่ของหลังคาให้มีเนื้อที่มากขึ้นรวมกัน
ไม่เกิน 5 ตารางเมตร โดยไม่ลดหรือเพิ่มจำนวนเสา หรือคาน
3. การเปลี่ยนโครงสร้างของอาคารโดยใช้วัสดุขนาด จำนวน
และชนิดเดียวกับของเดิม
เว้นแต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
คอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
4. การเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆของอาคารที่ไม่เป็นโครงสร้างของอาคาร
โดยใช้วัสดุเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่น
ซึ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงของอาคารเดิมส่วนหนึ่งส่วนใดเกินร้อยละ
สิบ
5. การเปลี่ยนแปลง การต่อเติม การเพิ่ม การลด
หรือการขยายซึ่งลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก
เนื้อที่ของส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ไม่เป็นโครงสร้างของอาคาร
ซึ่งไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมส่วนหนึ่งส่วนใดเกิน
ร้อยละสิบ
ฉะนั้น การก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยมิได้รับอนุญาต จะมีผลดังนี้คือ
- เจ้าพนักงานมีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของ
ลูกจ้างหรือบริวารระงับการกระทำดังกล่าวเสีย
ถ้าเป็นกรณีที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้
ก็สั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือแก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด
แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือถ้าเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้
หรือเจ้าของอาคารไม่ยอมแก้ไขตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ก็จะถูกสั่งให้รื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนภายในเวลาที่กำหนด
แต่ไม่น้อยกว่า 30 วัน
- ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
และยังต้องถูกโทษปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือ
จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
- ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน ให้ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคาร(กรณีเป็นนิติบุคคลอาคารชุด) ผู้ดำเนินการ เว้นแต่บุคคลนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำของผู้อื่น
- ในกรณีที่นิติบุคคลทำความผิดตามกฎหมายควบคุมอาคาร ให้ถือว่ากรรมการหรือผู้จัดการทุกคนของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำผิดกับนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า การกระทำของนิติบุคคลนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย
- ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรืออาคารที่อยู่ใกล้ชิดหรือติดต่อกับ
อาคาร ที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
หรือบุคคลซึ่งความเป็นอยู่หรือการใช้สอยที่ดินหรืออาคารถูกกระทบกระเทือน
เนื่องจากการกระทำความผิดดังกล่าว เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
นอกจากนี้ กฎหมายควบคุมอาคารยังกำหนดให้มี
คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ทั้ง
ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อดำเนินการในความผิดจากการก่อสร้าง ดัดแปลง
เคลื่อนย้ายอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาต
หากพนักงานสอบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าว
ถ้าผู้กระทำความผิดยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ
ก็ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีภายใน 7 วัน
ถ้าคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีเห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรถูกฟ้องร้องหรือได้รับ
โทษถึงจำคุก ก็ให้กำหนดค่าปรับ
ถ้าผู้ต้องหายินยอมให้ปรับและได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายใน 30
วัน ให้ถือว่าคดีเลิกกัน
แต่ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ปรับก็ให้ดำเนินคดีต่อไป
อาจจะมีบางคนแย้งว่า ตอนที่ตนซื้อบ้านต่อจากเจ้าของเดิมนั้น
ได้มีการดัดแปลง ต่อเติมบ้านมาก่อนแล้ว
กรณีนี้หากคนที่อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดสามารถพิสูจน์ได้จริง
ก็อาจจะไม่ต้องรับผิดทางอาญา ไม่ต้องรับโทษจำคุกหรือปรับก็ตาม
แต่กฎหมายควบคุมอาคารนั้น ถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่จะต้องปฏิบัติตาม
ตราบใดที่การต่อเติมหรือดัดแปลงบ้านนั้นยังคงมีอยู่
ก็ต้องถือว่ายังมีการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมอาคารตลอดมาครับ
ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้อง หรือให้รื้อถอน
ถ้าไม่ดำเนินการตามคำสั่ง ก็ต้องมีความผิดอยู่ดีครับ
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกบ้านเขาก็มีการดัดแปลง
ต่อเติมกันโดยพละการทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย
ไม่ต่อเติมตัวบ้านก็ต้องต่อเติมกันสาดออกไปบ้างล่ะ
เพียงแต่เจ้าหน้าที่ไม่มีปัญญามาดูแลไล่จับได้ทุกครัวเรือนหรอกครับ
คงเพ่งเล็งแต่อาคารใหญ่ๆ
หรือไม่ก็บ้านที่ต่อเติมชนิดแลดูท้าทายน่าเกลียดจนเกินไป จึงจะถูกดำเนินการ
แต่ถ้าไม่อยากจะเกิดปัญหาที่อาจต้องติดคุกหรือถูกปรับตามกฎหมายควบคุมอาคาร
ก็ควรจะไปยื่นขออนุญาตเสียให้ถูกต้องจะดีกว่าครับ
โดย : kampol40